Life

วีรวรรณ บินละหลี “ร่างเล็กหัวใจไม่เล็ก” ม.ทักษิณ สานฝันเป็นนักกฎหมายเพื่อสังคม

0

ใครๆ ก็มีความมุ่งมั่น เธอก็เป็นอย่างนั้น วีรวรรณ  บินละหลี (เฟรม)  สาวแกร่งชั้นปีที่ 4 จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ในรอยยิ้มและแววตาเธอมากไปด้วยความมุ่งมั่น เราพบกันในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือ และมากไปกว่านั้น “เฟรม” ไม่เคยนอนฝันแต่อย่างเดียว เธอยังเดินไปไปหามัน แม้ก้าวเล็กๆ แต่เธอก็ไม่เคยหยุดก้าวต่อ

วีรวรรณ  บินละหลี (เฟรม)  ชั้นปีที่ 4 จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ


We tsu : ขอโทษนะครับ ร่างกายเฟรมเป็นแบบนี้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่คลอดเลยมั่ยครับ

วีรวรรณ : เป็นตั้งแต่เกิดเลยคะ  หมอบอกว่า ขาซ้ายกับขาขวายาวไม่เท่ากัน แต่ตอนเด็กๆ หนูไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติเลย เพราะว่าเพื่อน ครอบครัว สภาพแวดล้อม ทุกคนวางตัวกับหนูเหมือนหนูเป็นคนปกติ จะมีเพื่อล้อบ้างก็ตามประสาเด็กๆ แต่หนูก็ไม่มีอะไรซีเรียส

We tsu : เฟรมเรียนเก่งมั่ย

วีรวรรณ : มีคนที่เรียนเก่งกว่าหนูเยอะเลยค่ะ (หัวเราะ) ถือว่าเก่งนะคะ ตั้งใจเรียนมาตั้งแต่ประถมแล้วพอเรียน ม.1 ที่โรงเรียนเร๊าะห์มานีย๊ะห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนสามัญศาสนาควบคู่กัน ก็เริ่มมีเป้าหมายในชีวิต เลยตั้งใจเรียนเต็มที่ ช่วงเรียนก็ทำกิจกรรมหลายอย่างที่โรงเรียน เช่น กีฬาสีก็เป็นสแตนเชียร์ เล่นเปตองด้วย และยังเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันวิชาการ รวมทั้งได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นของสายศาสนาและสายสามัญ ทุกปีตั้งแต่ ม.1 จนถึง ม. 6

We tsu : วิชาอะไรที่เฟรมถนัดที่สุด

วีรวรรณ : ตอนอยู่มัธยมก็น่าจะเป็น วิทยาศาสตร์จำพวกฟิสิกส์ เคมี ค่ะ แต่ว่ามันกลับกันที่ต้องมาเรียนนิติศาสตร์ (หัวเราะ) ทั้งที่ความตั้งใจแรกหนูก็อยากจะเป็นหมอค่ะ แต่คุณสมบัติมันไม่ผ่านเกณฑ์ค่ะ ก็เลยหยุดฝันตั้งแต่ ม.4 จากนั้นก็เบนเข็มความฝัน มุ่งมั่นตั้งใจว่าจะเรียนนิติศาสตร์ และหนูรู้ว่าการเรียนกฎหมายเป็นความฝันของแม่ ด้วย

We tsu : ตอนจบ ม.6 เป็นช่วงที่มีความยากลำบากในการตัดสินใจว่าจะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยใช่มั่ย

วีรวรรณ : ที่บ้านลำบากมากค่ะ รายได้หลักมาจากเงินเดือนของแม่ หนูสงสารแม่ด้วยกลัวแม่จะลำบากเรื่องส่งเรียน  แต่ในใจหนูลึกๆ ก็คิดไว้แล้วคะว่า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคยังไงก็ตาม ก็จะต้องเรียนหนังสือให้ได้ พอได้คุยกับแม่ และแม่ตอบว่าสู้ไหว เลยเลือกเรียนม.ทักษิณ  ซึ่งช่วงนั้นมีโครงการรับตรงของ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักฺษิณร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พอผลการคัดเลือกบอกว่าติดที่นี่ก็ตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่เลยค่ะ

We tsu : พอทราบว่าสอบติดมหาลัยทักษิณรู้สึกอย่างไรบ้าง

วีรวรรณ : ดีใจ และภูมิใจมากๆ  เพราะสมัคร ม.ทักษิณ เป็นที่แรก แล้วได้ตามสาขาที่ต้องการจะเรียน ตอนนั้นหนูเลือกนิติศาสตร์ ม.ทักษิณสงขลาไว้อันดับ 1 นิติศาสตร์ ม.ทักษิณพัทลุงไว้เป็นอันดับ 2 และเลือก สาขาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุกิจ ม.ทักษิณ เป็นอันดับ 3

We tsu : มามหาวิทยาลัยในฐานะนิสิตครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้างครับ

วีรวรรณ : ก่อนหน้าที่จะมาสอบสัมภาษณ์ หนูไม่เคยมาที่นี่เลยค่ะ ได้แต่นั่งรถผ่าน เวลาไปเที่ยวทะเลกับครอบครัว เมื่อเข้ามา โอ้โห! มหาลัยใหญ่อย่างนี้เลยเหรอ เราจะอยู่ได้เหรอ  เริ่มคิดว่าแล้วจะไปเรียนยังไง จะมีเพื่อนมั้ย  แล้วจะอยู่ยังไง เพราะว่ามันใหญ่มาก  มันต่างจากโรงเรียนมัธยม  ตอนเรียนมัธยมเราเดินได้ทั่วโรงเรียน แต่มหาวิทยาลัยเราจะไปเรียนยังไง ต้องวางแผนว่าจะตื่นกี่โมง เพื่อให้เดินไปถึงอาคารที่จะต้องเรียนให้ทัน เพราะเราเดินได้ช้ากว่าคนอื่นเขา (หัวเราะ)

We tsu : พอเริ่มเรียนชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้าง

วีรวรรณ : ก็โอเคค่ะ ปี 1 มีกิจกรรมรับน้อง หนูก็เข้ากิจกรรมรับน้องทั้ง 7 วัน เพื่อนๆ เขารู้จักหนูกันหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนในคณะ ต่างคณะ เรียกว่าทุกคณะเลยคะที่รู้จักกัน  ส่วนใหญ่เวลาเดินไปไหนมาไหนเพื่อนเขาก็ยิ้มให้ เราก็ยิ้มตอบ เขาก็จะเดินมาถามว่าชื่ออะไรแล้วก็ได้ทำความรู้จักกัน

We tsu : รู้สึกยังไงบ้างครับเวลามีคนมาทักเยอะๆ เพราะว่ามันก็สามารถมองได้สองมุมนะ บางคนอาจจะคิดว่าเขาสงสารเรารึปล่าถึงได้มาทัก

วีรวรรณ : รู้สึกดีมากเลย ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ หนูก็ไม่รู้ว่าในใจเพื่อนเค้าคิดอะไร แต่ในใจหนูคิดว่าเขาน่าจะเป็นมิตร

We tsu : 4 ปีมาแล้ว อะไรที่ทำให้เฟรมรู้สึกว่านี่คืออุปสรรคที่หนักที่สุด

วีรวรรณ : ก็การเรียนนี่ละค่ะ (หัวเราะ)

We tsu : แล้วได้ออกไปเที่ยวบ้างมั้ย เช่น ไปถนนคนเดินหรือที่อื่นๆ

วีรวรรณ :ไม่ค่อยอะค่ะ(หัวเราะ) เพราะไม่รู้จะไปยังไง หนูก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน แล้วก็มันลำบากด้วย ก็เลยตัดสินใจว่าอย่าไปเลย อยู่หอพัก อ่านหนังสือ กวาดห้อง จัดห้อง ซักผ้า ดีกว่า

We tsu : ตอนมาเรียนในปีแรก หนูได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ในปีแรก


วีรวรรณ :
เกรดเฉลี่ย 3.43 ค่ะ เพราะเรียนไปสักพักก็รู้สึกว่าใช่เลย เราชอบกฎหมาย โดยเฉพาะวิชากฎหมายอาญา เป็นวิชาที่ชอบมาก

We tsu : เวลาเฟรมเรียนหนังสือ เคล็ดลับในการเรียนของเฟรมคืออะไรครับ

วีรวรรณ : หนูจะแบ่งการอ่านไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ เช่นเมื่อใกล้ถึงวันที่จะสอบ หนูจะแบ่งไว้เลยว่าจะให้เวลาสำหรับการอ่านในวิชานี้กี่วัน อ่านประมวลวิชานี้กี่วัน หากว่าไม่สามารถอ่านจบภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็จะต้องหยุดไว้แค่นั้น และอ่านในรายวิชาถัดไปค่ะ ส่วนวิชาที่ค้างไว้ก็ค่อยย้อนกลับมาอ่านอีกที แต่สำหรับการท่องมาตราต้องท่องตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นวันนี้อาจารย์สอนถึงมาตรานี้ก็จะต้องกลับไปทบทวนในมาตรานั้นๆ ให้เรียบร้อยภายในวันนั้น ถ้าจะต้องท่องตอนอ่านหนังสือสอบไปด้วยมันจะอ่านไม่ทัน

We tsu : ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนละครับ เฟรมได้มาจากไหน

วีรวรรณ : ค่าใช้จ่ายก็ได้จากทุนและการกู้ยืม กยศ. ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนมหาลัยเลยค่ะ ไม่เคยขอเงินแม่เลย

We tsu : เฟรมเรียนตั้งเป้าหมายไว้ว่าเมื่อจบมหาวิทยาลัย แล้วอยากจะทำอะไรต่อไป

วีรวรรณ : อยากเรียนจะเรียนต่อเนติบัณฑิตค่ะ แต่ก็ยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เลยปรึกษาแม่ว่าอยากทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่แม่ก็บอกว่าถ้าเกิดให้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย มันหนักเกินไป เพราะสาขาวิชาที่เรียนมันก็หนักมากพออยู่แล้ว เพราะถ้าไปทำงานก็กลัวว่าจะไม่มีเวลา กลัวจะลำบาก

We tsu : เฟรมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำอาชีพอะไรครับ ในอนาคต

วีรวรรณ : หนูฝันไว้ว่าอยากจะเป็นอัยการ หรืออาชีพอะไรก็ได้ที่ตรงกับสาขาที่หนูเรียนมา เพราะความฝันการเป็นอัยการไม่ใช่แค่ความฝันของหนู แต่มันเป็นความฝันของแม่และครอบครัวด้วย  เมื่อแม่ต้องการแบบนั้น หนูก็อยากจะสานฝันให้แม่

We tsu : ทำไมเฟรมถึงเอาความฝันของแม่รวมกับความฝันของตัวเองละครับ

วีรวรรณ :  (สะอื้นไห้) เพราะหนูรักแม่มากคะ ไม่ว่าแม่ต้องการอะไร หนูจะทำให้แม่หมดเลย ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ความฝันของแม่ หนูก็อาจจะสอบเข้าทำงานข้าราชการในส่วนอื่นๆ ก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่เรียนมา แต่นี่มันเป็นความฝันของแม่ด้วย หนูเลยต้องทำมันให้ได้

We tsu : ฝันที่หนูวางไว้มันก็ค่อนข้างไกลพอสมควร แต่มันก็ไม่ไกลเกินกว่าที่จะทำมันให้ได้  แล้วมั่นใจได้ยังไงว่า องค์ความรู้ที่เราได้รับจากสาขานิติศาสตร์ ม.ทักษิณ จะเพียงพอที่จะทำให้เราสามารถสานฝันนั้นได้

วีรวรรณ : หนูมั่นใจในนิติศาสตร์ม.ทักษิณ  คณาจารย์ทุกท่าน สามารถผลิตบัณฑิตที่ดี เป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ นิติศาสตร์ ม.ทักษิณ  ไม่ได้ด้อยไปกว่านิติศาสตร์ของ ม.ธรรมศาสตร์ หรือ จุฬาลงกรณ์ หรือสถาบันอื่นๆ เลยถ้าจะเทียบกันในเชิงคุณภาพ เพราะว่าเขาใช้มาตรฐานเดียวกันหมด และที่สำคัญมันอยู่ที่ตัวของเราเองด้วย ไม่ใช่แค่สถาบันเพียงอย่างเดียว

We tsu : ตั้งปณิธานไว้ว่า เราจะอยากเป็นนักกฎหมายแบบไหน

วีรวรรณ : อยากจะเป็นนักกฎหมายที่ช่วยเหลือสังคม คิดไว้เสมอค่ะว่าสังคมต้องดำรงอยู่ในความยุติธรรม เพราะตัวหนูเองก็ชอบอยู่ในความยุติธรรม ความยุติธรรมในความหมายของหนูคือ ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่มีการยกเว้น ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติพี่น้องของเราก็ต้องไม่มีการยกเว้น

We tsu : อยากให้เฟรมฝากอะไรถึงน้องๆ คณะนิติศาสตร์รุ่นใหม่ๆ สักนิดครับ

วีรวรรณ : เมื่อคุณเข้ามาเรียนคณะนิติศาสตร์ ม.ทักษิณ คุณจะจบการศึกษาออกไปก้าวสู่โลกของการทำงาน คุณจะเป็นคนที่มีคุณภาพมาก เพราะคณะนิติศาสตร์ ม.ทักษิณ มันเรียนยาก แต่เรียนแล้วมันก็สามารถประกันคุณภาพของตัวเราเองได้จริงๆ

We tsu : พูดอะไรถึงคนที่รู้สึกว่าตัวมีชีวิตที่ไม่พร้อม หรือท้อแท้อยู่ในตอนนี้บ้างมั้ย

วีรวรรณ : อย่าท้อเลย ให้ดูหนูเป็นตัวอย่าง หนูมีร่างกายไม่พร้อม จะกินจะใช้ชีวิตก็ลำบาก อยากให้คนที่มีร่างกายพร้อมสู้กับชีวิตแบบที่หนูกำลังสู้อยู่

และแน่นอนว่า ไม่ว่าเส้นทางฝันจะไปบรรจบลง ณ จุดใด WETSU ก็เชื่อมั่นว่า วีรวรรณ  บินละหลี (เฟรม) สาวแกร่งชั้นปีที่ 4 จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณคนนี้จะมุ่งมันทำมันต่อไป

 

14 มกราคม “วันศาสตราจารย์สุธิวงศ์” ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ คือใคร?

Previous article

ทุกเพศเสมอภาค ม.ทักษิณ ให้สิทธิแต่งกายตามเพศวิถี

Next article

Comments

Comments are closed.

Login/Sign up